สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อมนุษย์ ยิ่งในปัจจุบันโรคภัยมีมากมายอันเกิดจากสภาพแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไป ระบบการใช้ชีวิตที่ต้องเผชิญกับเชื้อโรคที่มีวิวัฒนาการใหม่ๆ โดยตลอด เกิดโรคระบาดสายพันธ์ใหม่มากมาย เช่น ไข้หวัด 2009 เป็นต้น ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุ ซึ่งต้นเหตุสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ที่พักอาศัยและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีนั่นเอง
อาคารสาธารณะเป็นแหล่งแพร่เชื้อสำคัญที่ทำให้โรคแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว มาตรการป้องกันไม่ใช่เพียงแค่วัวหายล้อมคอก แต่ควรจัดระบบไว้ตั้งแต่ต้นทั้ง การระบายอากาศที่ดี การระบายน้ำเสีย การลดการสะสมของฝุ่นละออง
อาคารสาธารณะประเภทโรงเรียน, ติวเตอร์, โรงภาพยนตร์, ภัตตาคาร, ห้างสรรพสินค้า ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น ซึ่งการออกแบบที่ดีจะช่วยลดการแพร่เชื้อได้
โรงแรมและรีสอร์ทก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง ถ้าได้รับการออกแบบที่ดีและนำเอาการพักผ่อนเพื่อสุขภาพ, การบำบัดรักษาโรคไปเป็นจุดขายก็น่าจะเป็นวิธีการสร้างสรรค์ที่ดีและแตกต่างในยุคนี้ ในขณะที่โรงพยาบาลที่ด้อยคุณภาพอาจจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่ใหญ่ที่สุด ถ้าไม่ได้ตรวจสอบระบบภายในอาคารให้ดี เช่น เครื่องปรับอากาศที่อาจจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแพร่กระจายอันรวดเร็ว ระบบท่อฝังของเครื่องปรับอากาศที่ควรจะสามารถเข้าไปทำความสะอาดได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึง โรงพยาบาลบางแห่ง หนู, แมลงสาบและสัตว์นำโรคอื่นๆ อาจเพาะพันธ์อยู่เหนือฝ้าเพดานจนไม่สามารถกำจัดได้
ไอเดียที่สามารถผนวกมาตรฐานในการให้บริการของโรงแรมหรือรีสอร์ท กับมาตรฐาน การดูแลสุขภาพ, รักษาโดยแพทย์ก็น่าจะเป็นโครงการสายพันธ์ใหม่ที่ทันกับกระแสความห่วงใยเรื่องสุขภาพของคนในโลกนี้โครงการพักผ่อนเพื่อสุขภาพ, โครงการโรงพยาบาลแนวใหม่ผสมผสานโรงแรมและรีสอร์ท โครงการรีสอร์ทที่เป็นศูนย์บำบัดโรคบางประเภท ฯลฯ
แนวคิดที่ใช้วิธีการรวม ผนวกของ 2 โครงการเป็นการนำข้อดีของอีกโครงการบวกกับข้อดีของอีกโครงการแล้วสร้างสรรค์ออกมาเป็นธุรกิจแนวใหม่
โรงแรมและรีสอร์ทมีการให้บริการและการดูแลรักษาคนที่มาใช้จากพยาบาลและคุณหมอ หรือโรงพยาบาลที่ไม่น่าเบื่อ ไม่น่ากลัวอีกต่อไปเพราะบรรยากาศการตกแต่งสวยยิ่งกว่าโรงแรมเสียอีก โปรแกรมข้อมูลพื้นฐานในการออกแบบเริ่มจากการนำลักษณะเฉพาะของโครงการมาใช้ร่วมกันจาก 2 ความต่างดังนี้
1. การออกแบบห้องพัก เป็นการผสมไอเดียของเตียงโรงพยาบาลที่ปรับระดับได้กับเตียงโรงแรม, รีสอร์ท ที่มีการตกแต่งหัวเตียงแบบมีเอกลักษณ์ การออกแบบห้องน้ำโดยกำหนดเป็นบานเลื่อนและไม่มีสเต็ปเพื่อความปลอดภัยมีราวจับกันลื่น ใช้พยุงตัวในขณะที่มีสีสันบรรยากาศสวยงามไม่เหมือนโรงพยาบาลมีการกำหนดวัสดุประเภททำความสะอาดง่าย ไม่มีร่องลึก คำนึงถึงผิวสัมผัสที่ดีสำหรับผู้ป่วยมีการวางระบบท่อออกซิเจน และท่ออื่นๆ สำหรับการรักษาโรคแต่ฝังให้กลมกลืนกับบรรยากาศไม่ให้ดูน่ากลัวแต่กลับดูน่าอยู่แทน ซึ่งถึงแม้โรงแรม รีสอร์ทแห่งนี้จะไม่รองรับคนป่วย แต่คนสูงอายุหรือคนทั่วไปก็ใช้ได้ดีในแนวทางของ “UNIVERSAL DESIGN” ซึ่งกลายเป็นจุดขายใหม่ของโครงการเลยก็เป็นได้
2. การออกแบบร้านอาหาร, ภัตตาคาร มีการกำหนดเมนูเพื่อสุขภาพ สร้างความสมดุลของอาหาร มีการออกแบบแสงสว่างที่ไม่ทำให้สีอาหารเพี้ยนจากความเป็นจริง มีการออกแบบการระบายอากาศ ไม่ให้โครงการมีกลิ่นอับ มีการแนะนำการรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับอาการป่วย โดยมีนางพยาบาล เจ้าหน้าที่เพื่อสุขภาพอนามัยคอยดูแลตลอด ออกแบบห้องพิเศษสำหรับบางโรคที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อไม่ให้เกิดการระบาด ออกแบบอาคารที่เปิดโล่ง ไม่ให้เกิดการเก็บฝุ่น ไม่มีฝ้าเพดานเน้นโชว์โครงสร้างและสัจจะวัสดุให้ดูแลรักษาง่าย
3. การออกแบบโถงต้อนรับและส่วนบริการทั่วไป มีลักษณะเฉพาะ เช่น การต้อนรับแบบ ลิฟวิ่ง คือไม่จำเป็นต้องปะทะกับเคาน์เตอร์ เปลี่ยนวิธีการให้บริการแบบเป็นกันเองเป็นชุดนั่งเล่นรับแขก เจ้าหน้าที่เป็นพยาบาลหรือบุรุษพยาบาล โดยแต่งกายให้มีสไตล์สวยงาม มีห้องสำหรับตรวจไข้เบื้องต้นและแบ่งแยกกลุ่มคนไข้ออกเป็นโซนๆ ตามประเภทกลุ่มโรคต่างๆ แล้วกำหนดการให้บริการ โดยใช้พื้นฐานทางสัญจรและการแบ่งส่วนหน้า (แขกผู้ป่วย) ส่วนหลัง (เจ้าหน้าที่พนักงาน) อย่างชัดเจนผนวกการแบ่งระหว่าง โรงแรมและโรงพยาบาลอย่างกลมกลืน
ที่มา http://www.oknation.net/blog/u-sabuy/2009/06/27/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น